หนึ่งในเสียงจากอดีตนักเตะผู้มีชื่อเสียงที่แฟนบอลให้ความสนใจอย่างมากในตอนนี้คือ แว็งซ็องต์ ก็องปานี (Vincent Kompany) อดีตกัปตันทีมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมของเบิร์นลีย์ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ โดยเขามองว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen) ของ ชาเบียร์ อลอนโซ่ ยังคงเป็นคู่แข่งที่อันตรายสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) และไม่ควรถูกประมาทแม้แต่น้อย
เสียงของก็องปานีไม่ได้มาจากคนภายนอกที่มองเพียงผิวเผิน เขาเคยผ่านยุคของการแข่งขันระดับสูงสุด เคยนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วหลายสมัย และเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าความแตกต่างระหว่าง “ทีมดี” กับ “ทีมแชมป์” นั้นบางเพียงเส้นด้าย เขามองว่าเลเวอร์คูเซ่นในยุคของชาเบียร์ อลอนโซ่ มีครบทุกอย่างทั้งระบบ ทีมเวิร์ก และแรงจูงใจที่อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับลีกเยอรมันได้อีกครั้ง
สำหรับแฟนบอลที่ติดตามความเคลื่อนไหวของบุนเดสลีกาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่วิเคราะห์แนวโน้มเกมผ่านช่องทาง เล่นคาสิโนออนไลน์กับ ยูฟ่าเบท เว็บตรง มั่นคง ปลอดภัย ระบบทันสมัยที่สุด สมัครง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดทุกวันจะเห็นว่าคำพูดของก็องปานีมีน้ำหนักไม่น้อย เพราะในฤดูกาลนี้ เลเวอร์คูเซ่นยังคงรักษาฟอร์มที่น่าประทับใจต่อเนื่องจากปีก่อน พวกเขาเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจ มีความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ และที่สำคัญคือมีความเข้าใจในระบบของอลอนโซ่อย่างลึกซึ้ง
ก็องปานีกล่าวว่า “ถ้าคุณมองดูเลเวอร์คูเซ่นในตอนนี้ คุณจะเห็นทีมที่มีระเบียบและมีจุดแข็งในทุกตำแหน่ง พวกเขาไม่ได้พึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่ง แต่ใช้พลังของทีมทั้งระบบในการต่อสู้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดสำหรับบาเยิร์น มิวนิค” คำพูดนี้สะท้อนถึงความจริงที่หลายคนในเยอรมนีเริ่มยอมรับ ว่าการครองความยิ่งใหญ่ของบาเยิร์นอาจไม่มั่นคงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

ฤดูกาลที่แล้ว เลเวอร์คูเซ่นภายใต้การคุมทีมของชาเบียร์ อลอนโซ่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาไม่เพียงกลับมาท้าชิงแชมป์ลีกอย่างจริงจัง แต่ยังเล่นฟุตบอลที่ดึงดูดสายตา ด้วยสไตล์การต่อบอลสั้นที่แม่นยำ การเปิดพื้นที่ในการเข้าทำ และการเพรสซิ่งที่ดุดัน ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างฟุตบอลสเปนและเยอรมันอย่างลงตัว นั่นทำให้ทีมนี้ได้รับคำชมอย่างกว้างขวางว่าเป็น “ทีมที่มีอนาคตไกลที่สุดในยุโรป”
แม้บาเยิร์นจะยังคงเป็นเต็งหนึ่งตามธรรมเนียม ด้วยขุมกำลังที่เต็มไปด้วยสตาร์ระดับโลก แต่ความจริงคือพวกเขากำลังเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทีมของโธมัส ทูเคิ่ล ต้องรับมือกับโปรแกรมแข่งขันที่หนักหน่วง และปัญหาภายในทีมที่ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งในแง่ความฟิตของนักเตะและฟอร์มการเล่นที่ยังไม่เสถียร นี่จึงเป็นโอกาสทองของเลเวอร์คูเซ่นในการสร้างแรงกดดันต่อแชมป์เก่าอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้เลเวอร์คูเซ่นน่ากลัวที่สุดในสายตาของ ก็องปานี คือ “ความต่อเนื่อง” เขากล่าวว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของการชนะเกมใดเกมหนึ่ง แต่คือการรักษามาตรฐานให้ได้ในทุกสัปดาห์ และเลเวอร์คูเซ่นในตอนนี้กำลังทำสิ่งนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม” ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าพวกเขาแทบไม่แพ้ใครในลีกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และยังคงรักษาสถิติการไม่แพ้ในบ้านได้อย่างน่าทึ่ง
ในมุมมองของโค้ชรุ่นใหม่อย่างก็องปานี เขาชื่นชมการทำงานของชาเบียร์ อลอนโซ่เป็นพิเศษ เพราะมองว่าอดีตมิดฟิลด์รายนี้ไม่เพียงแต่เข้าใจฟุตบอลเชิงลึก แต่ยังมีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม สามารถทำให้นักเตะเข้าใจแนวคิดและแผนการเล่นได้อย่างชัดเจน “อลอนโซ่มีบุคลิกของผู้นำที่สงบและมั่นคง เหมือนเขากำลังเล่นอยู่ในสนาม เขาไม่เคยตื่นตระหนก และนั่นคือสิ่งที่ทีมต้องการ” ก็องปานีกล่าว
สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลในเยอรมนีเริ่มรู้สึกได้คือการกลับมาของ “การแข่งขันที่แท้จริง” ในบุนเดสลีกา หลังจากที่บาเยิร์นครองแชมป์ต่อเนื่องมานานกว่าทศวรรษ เลเวอร์คูเซ่นคือความหวังใหม่ของคนดู พวกเขาเล่นด้วยสปิริตของทีมที่ต้องการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ และเมื่อทีมที่มีแรงจูงใจเช่นนี้มาเจอกับสโมสรที่คุ้นเคยกับความสำเร็จอย่างบาเยิร์น มันจึงกลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง “ความหิว” กับ “ประสบการณ์” ที่แฟนบอลทั่วโลกอยากเห็น
สำหรับผู้ที่ติดตามการแข่งขันผ่าน เข้าถึงทุกการเดิมพันได้ง่ายผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ รองรับมือถือทุกระบบ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของฟุตบอลเยอรมันในรอบหลายปี เพราะการลุ้นแชมป์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทีมเดียวอีกต่อไป ตลาดวิเคราะห์เกมและสถิติเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงความสูสีระหว่างทั้งสองทีม ไม่ว่าจะเป็นจำนวนประตูที่ทำได้ โอกาสยิงต่อเกม หรือเปอร์เซ็นต์การครองบอล ซึ่งแทบไม่ต่างกันเลยในฤดูกาลนี้
หากมองในเชิงแท็กติก เลเวอร์คูเซ่นของอลอนโซ่มีระบบที่ยืดหยุ่นและเข้าใจง่าย เขามักใช้แผน 3-4-2-1 ที่สามารถปรับเป็น 4-2-3-1 ได้ระหว่างเกม จุดเด่นของระบบนี้คือการใช้วิงแบ็กที่ขึ้นลงตลอดเวลาเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงพื้นที่ และให้มิดฟิลด์ตัวกลางคอยคุมจังหวะในเกมรุก ส่วนแนวรุกจะใช้การเคลื่อนที่อิสระเพื่อดึงแนวรับของคู่แข่ง เปิดโอกาสให้ตัวทำเกมหรือกองหน้าหลุดเข้าไปยิง
ขณะที่บาเยิร์นยังคงยึดแนวทางเกมรุกเต็มรูปแบบตามสไตล์ของพวกเขา ด้วยผู้เล่นระดับโลกอย่างแฮร์รี่ เคน, จามาล มูเซียล่า และเลรอย ซาเน่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือเลเวอร์คูเซ่นไม่กลัวที่จะเปิดเกมสู้ พวกเขาไม่ถอยหนีจากแรงกดดัน ซึ่งนี่เองที่ทำให้ก็องปานีมองว่าทีมของอลอนโซ่มีจิตใจแบบ “ผู้ชนะที่แท้จริง”
แม้ความสำเร็จของเลเวอร์คูเซ่นในระยะยาวยังต้องพิสูจน์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือพวกเขากำลังทำให้แฟนบอลรู้สึกตื่นเต้นกับบุนเดสลีกาอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่วงการฟุตบอลเยอรมันต้องการมานาน เพราะการแข่งขันที่เข้มข้นย่อมยกระดับคุณภาพของลีกโดยรวมให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือการบริหารทีมของเลเวอร์คูเซ่นที่เน้นความยั่งยืน สโมสรนี้ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่เลือกซื้อนักเตะที่เหมาะสมกับระบบและมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต เช่น ฟริโมปง, กรานิต ชาก้า และฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่กำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของทีมยุคใหม่ นักเตะเหล่านี้ต่างมีส่วนสำคัญในการผลักดันทีมให้เติบโตอย่างมั่นคง
เมื่อพูดถึงความเป็นคู่แข่งที่แท้จริงระหว่างเลเวอร์คูเซ่นกับบาเยิร์น ก็องปานีเน้นย้ำว่า “สิ่งที่ทำให้เลเวอร์คูเซ่นน่ากลัวคือพวกเขาไม่ได้กลัวใคร พวกเขาเคารพทุกทีม แต่ไม่ยอมแพ้ใครทั้งนั้น” ซึ่งเป็นคำพูดที่สะท้อนจิตวิญญาณของทีมได้อย่างชัดเจน ทีมนี้ไม่หวั่นแม้ต้องเล่นในอัลลิอันซ์ อารีน่า หรือเจอกับบาเยิร์นในสภาพฟอร์มร้อนแรง เพราะพวกเขาเชื่อในระบบของตัวเอง
การยกย่องจากก็องปานีไม่ได้มีแค่ในแง่แท็กติก แต่ยังรวมถึงแนวทางการสร้างทีมของชาเบียร์ อลอนโซ่ ที่ให้ความสำคัญกับ “การพัฒนา” มากกว่า “การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน” เขาไม่ได้สร้างทีมด้วยเงินมหาศาล แต่ใช้ความเข้าใจในเกมและการบริหารนักเตะให้เหมาะสมกับจุดแข็งของแต่ละคน ซึ่งนี่คือเหตุผลว่าทำไมเลเวอร์คูเซ่นถึงมีพัฒนาการที่มั่นคงในช่วงเวลาอันสั้น
เมื่อมองภาพรวมแล้ว ความเห็นของก็องปานีไม่ใช่คำชมลอย ๆ แต่มันคือการเตือนว่าบาเยิร์น มิวนิคต้องไม่ประมาท เพราะคู่แข่งรายนี้กำลังอยู่ในจุดที่พร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ได้ทุกเมื่อ
และสำหรับแฟนบอลที่ติดตามอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทาง สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100% ช่วงเวลานี้คือโอกาสทองในการเฝ้าดู “การเปลี่ยนผ่านอำนาจ” ของบุนเดสลีกาอย่างแท้จริง ว่าทีมที่เคยเป็น “ผู้ท้าชิงตลอดกาล” อย่างเลเวอร์คูเซ่น จะสามารถล้มยักษ์อย่างบาเยิร์น มิวนิค และก้าวขึ้นครองบัลลังก์แชมป์ได้หรือไม่
เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมในสนาม แต่มันคือการต่อสู้ของแนวคิด ความมุ่งมั่น และศรัทธาในสิ่งที่ทีมสร้างขึ้น เลเวอร์คูเซ่นภายใต้ชาเบียร์ อลอนโซ่ กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมาจากงบประมาณมหาศาล แต่อาจมาจาก “ทีมที่เชื่อในกันและกัน” และโค้ชที่เข้าใจจิตวิญญาณของผู้เล่นอย่างแท้จริง
และเมื่อเสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้นในทุกสัปดาห์ โลกฟุตบอลจะยังคงจับตามองว่า บาเยิร์น มิวนิค จะรักษาความยิ่งใหญ่ไว้ได้อีกนานแค่ไหน หรือจะถึงเวลาที่ “ยาแก้แพ้เสือใต้” อย่างเลเวอร์คูเซ่น จะสร้างตำนานบทใหม่ของตัวเองบนเวทีลูกหนังเยอรมัน เพราะตามที่ก็องปานีกล่าวไว้ — “ทีมนี้ยังไม่ถึงที่สุด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาอันตรายที่สุด”.